ในโลกยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว การมี ระบบโครงสร้าง IT พื้นฐาน (System Infrastructure) ที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ โซลูชันที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้การบริหารจัดการทรัพยากรเป็นเรื่องง่าย

Windows/Linux

Windows และ Linux เป็นระบบปฏิบัติการหลักที่รองรับการทำงานขององค์กรในหลากหลายรูปแบบ

- Windows

เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในองค์กรต่างๆ เนื่องจากใช้งานง่าย มีซอฟต์แวร์สนับสนุนหลากหลาย และมีฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งาน

- ข้อดีของ Windows

ใช้งานง่าย: มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ซอฟต์แวร์สนับสนุนหลากหลาย: มีซอฟต์แวร์สนับสนุนหลากหลายประเภท ทั้งซอฟต์แวร์สำนักงาน ซอฟต์แวร์ออกแบบ หรือซอฟต์แวร์เฉพาะทาง ทำให้องค์กรสามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่ตรงกับความต้องการได้อย่างหลากหลาย
รองรับฮาร์ดแวร์หลากหลาย: รองรับการทำงานบนฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการได้อย่างหลากหลาย
Active Directory: มีระบบ Active Directory ที่ช่วยในการบริหารจัดการผู้ใช้งานและทรัพยากรต่างๆ ในเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- ข้อเสียของ Windows

ค่าใช้จ่ายสูง: มีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ License ที่ค่อนข้างสูง
ความปลอดภัย: อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยมากกว่า Linux
เสถียรภาพ: อาจมีปัญหาเรื่องความเสถียรบ้างในบางครั้ง

- Linux 

เป็นระบบปฏิบัติการ Open Source ที่ได้รับความนิยมในการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากมีความเสถียร ปลอดภัย และมีต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพสูง และสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ

- ข้อดีของ Linux

เสถียรภาพสูง: มีความเสถียรในการทำงานสูง ทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีปัญหา
ความปลอดภัยสูง: มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการอัปเดตและแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
ต้นทุนต่ำ: เป็นระบบปฏิบัติการ Open Source ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ License
ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: สามารถปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการขององค์กร

- ข้อเสียของ Linux

ใช้งานยาก: อาจต้องมีความรู้ทางด้านเทคนิคในการใช้งาน
ซอฟต์แวร์สนับสนุนน้อยกว่า Windows: มีซอฟต์แวร์สนับสนุนน้อยกว่า Windows
ฮาร์ดแวร์ที่รองรับอาจมีจำกัด: อาจมีปัญหาเรื่องการรองรับฮาร์ดแวร์บางประเภท

Virtualization Solution

Virtualization ช่วยลดการใช้ฮาร์ดแวร์โดยการสร้างเครื่องเสมือน (Virtual Machines) ที่สามารถทำงานได้เหมือนเซิร์ฟเวอร์จริง
เช่น ธนาคารที่ต้องการรันหลายแอปพลิเคชันบนเซิร์ฟเวอร์เดียวเพื่อลดต้นทุน องค์กรสามารถใช้ VMware หรือ Hyper-V ในการรันระบบปฏิบัติการหลายตัวในเครื่องเดียว ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ เพิ่มความยืดหยุ่น และรองรับการขยายตัวในอนาคต

- VMware คือซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างและจัดการ Virtual Machine (VM) ได้บนฮาร์ดแวร์เครื่องเดียว ซึ่ง VM ก็คือเหมือนกับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ทำงานอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องจริงนั่นเอง

-ทำไมต้องใช้ VMware?

ประหยัดค่าใช้จ่าย: แทนที่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง เราก็สามารถใช้เครื่องเดียวกันนี้สร้าง VM ขึ้นมาหลายเครื่องได้
เพิ่มประสิทธิภาพ: สามารถจัดสรรทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับ VM ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
ความยืดหยุ่น: สามารถสร้างและลบ VM ได้ตามต้องการ ทำให้ปรับเปลี่ยนระบบได้ง่าย
ทดสอบและพัฒนา: สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่จำลองได้ เพื่อทดสอบแอปพลิเคชันใหม่ๆ หรือระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ได้อย่างปลอดภัย

- Hyper-V คือเทคโนโลยี virtualization ที่พัฒนาโดย Microsoft เอง โดยมีหน้าที่หลักในการสร้างและจัดการ Virtual Machine (VM) หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เสมือน ซึ่งทำงานอยู่ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์จริงของคุณ

- เหตุผลที่ควรใช้ Hyper-V

      ประหยัดค่าใช้จ่าย: สามารถรันระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันต่างๆ บนเครื่องเดียวได้หลายระบบ ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อฮาร์ดแวร์ 
      ความยืดหยุ่น: สร้างและลบ VM ได้ง่าย ทำให้ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมได้ตามต้องการ 
      ทดสอบและพัฒนา: สร้างสภาพแวดล้อมที่แยกจากกันเพื่อทดสอบซอฟต์แวร์ใหม่ๆ หรือระบบปฏิบัติการใหม่ๆ โดยไม่กระทบต่อระบบหลัก 
      สำรองข้อมูลและกู้คืน: สร้าง Snapshot ของ VM เพื่อสำรองข้อมูลและกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็ว 
      ง่ายต่อการจัดการ: มีเครื่องมือสำหรับจัดการ VM อย่างครบครัน เช่น การสร้าง, การลบ, การเปลี่ยนแปลงขนาดของดิสก์

- Disaster Recovery

Disaster Recovery คือการวางแผนและเตรียมระบบให้พร้อมสำหรับการฟื้นฟูเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ไฟดับ, การโจมตีทางไซเบอร์ หรือภัยพิบัติธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทท่านเป็น e-commerce สามารถตั้งค่าโซลูชัน Disaster Recovery ที่สำรองข้อมูลไว้บนคลาวด์ เช่น AWS หรือ Azure เพื่อให้มั่นใจว่าระบบจะกลับมาออนไลน์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

- AWS หรือ Amazon Web Services คือแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ให้บริการโซลูชันหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจและองค์กรทุกประเภท เริ่มตั้งแต่สตาร์ตอัป องค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐ โดยบริการของ AWS ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานด้าน IT การให้บริการ Server และ Storage การพัฒนาและดูแลเว็บไซต์ ระบบอีคอมเมิร์ซ การสร้างแอปพลิเคชัน การสนับสนุนการทำงานแบบ Remote Working การใช้ระบบ IoT เพื่อพัฒนานวัตกรรม ไปจนถึงโซลูชันอื่น ๆ ที่รองรับกิจกรรมทางธุรกิจได้อย่างครบถ้วน เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ครบวงจรและทรงพลัง ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาโซลูชันคลาวด์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของคุณ AWS เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 

- Microsoft Azure นั้นเปรียบเสมือนศูนย์รวมบริการคลาวด์ที่ครบวงจรจาก Microsoft ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงและใช้งานทรัพยากรด้านไอทีได้อย่างง่ายดายและยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล หรือแม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ โดยไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จำนวนมาก

- ทำไมต้องเลือก Azure?
ครบวงจร: Azure มีบริการครอบคลุมทุกความต้องการของธุรกิจ ตั้งแต่การสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
ยืดหยุ่น: ปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการของธุรกิจในแต่ละช่วงเวลา ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ปลอดภัย: Azure ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลสูงสุด มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย
เชื่อถือได้: มีศูนย์ข้อมูลกระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้บริการมีความเสถียรและน่าเชื่อถือ
รองรับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ: Azure สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น เช่น Open Source
มีชุมชนผู้ใช้ขนาดใหญ่: มีชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง ทำให้ได้รับการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนความรู้ได้ง่าย
ลดต้นทุน: ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
เพิ่มความคล่องตัว: สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ
เพิ่มประสิทธิภาพ: ทำให้การทำงานของทีมไอทีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ: สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ได้อย่างง่ายดาย
มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก: ไม่ต้องเสียเวลาในการดูแลระบบไอที

- Server Consolidation

Server Consolidation เป็นการรวมเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องให้ทำงานบนระบบเดียวเพื่อประหยัดพลังงานและพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลที่เคยมีเซิร์ฟเวอร์แยกสำหรับแต่ละแผนก สามารถรวมระบบให้ทำงานบนแพลตฟอร์มเดียว เช่น Nutanix หรือ HPE SimpliVity เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการ

- Nutanix เป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นในการพัฒนาและให้บริการโซลูชัน Hyper-Converged Infrastructure (HCI) ซึ่งเป็นการรวมเอาคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และระบบจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันในระบบเดียว ทำให้การจัดการและปรับขยายระบบไอทีทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

- จุดเด่นของ Nutanix
Hyper-Converged Infrastructure (HCI): Nutanix เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี HCI ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการระบบไอที โดยรวมเอาคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และระบบจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถปรับขนาดและจัดการระบบได้ง่ายขึ้น
การจัดการที่ง่าย: Nutanix มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการระบบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ความยืดหยุ่น: Nutanix สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการของธุรกิจ ทำให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ความน่าเชื่อถือ: Nutanix มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ช่วยปกป้องข้อมูลขององค์กร
Hybrid Cloud: Nutanix รองรับการใช้งานแบบไฮบริดคลาวด์ ทำให้สามารถเชื่อมต่อระบบไอทีภายในองค์กรเข้ากับระบบคลาวด์สาธารณะได้อย่างราบรื่น

- HPE SimpliVity คือโซลูชัน Hyper-Converged Infrastructure (HCI) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อปฏิวัติวิธีการที่องค์กรจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ด้วยการรวมคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และระบบจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ในระบบเดียว ทำให้การทำงานของระบบไอทีมีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ทำไมต้องเลือก HPE SimpliVity?
ความเรียบง่าย: HPE SimpliVity ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการระบบไอที ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถบริหารจัดการระบบได้ง่ายขึ้น
ประสิทธิภาพสูง: ด้วยเทคโนโลยี deduplication และ compression ช่วยให้ประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ
ความยืดหยุ่น: สามารถปรับขนาดระบบได้ตามความต้องการของธุรกิจ ทำให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ความน่าเชื่อถือ: HPE SimpliVity มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ช่วยปกป้องข้อมูลขององค์กร
การลงทุนที่คุ้มค่า: ช่วยลดต้นทุนในการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

Network Storage

Network Storage คือการจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายที่รองรับการเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลา ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ทำด้านการผลิตสื่อที่ต้องจัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ สามารถใช้ NAS (Network Attached Storage) หรือ SAN (Storage Area Network) เพื่อเก็บไฟล์และแชร์ข้อมูลระหว่างทีมได้

- NAS ย่อมาจาก Network Attached Storage หรือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องในเครือข่ายเดียวกันสามารถเข้าถึงและแชร์ข้อมูลได้อย่างสะดวกและปลอดภัย เปรียบเสมือนฮาร์ดดิสก์ส่วนกลางที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่านเครือข่าย

- SAN ย่อมาจาก Storage Area Network เป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลมีความเร็วสูงและมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเข้ากับเซิร์ฟเวอร์โดยตรง ผ่านเครือข่ายเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับการจัดเก็บข้อมูลเท่านั้น ทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์จัดเก็บได้อย่างรวดเร็ว และไม่เกิดปัญหาคอขวดที่อาจเกิดขึ้นหากใช้เครือข่ายทั่วไป

- Virtual Desktop Infrastructure (VDI)

   VDI คือเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดการและปรับใช้เดสก์ท็อปเสมือน (Virtual Desktops) ผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อเข้าถึงเดสก์ท็อปที่โฮสต์อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลหรือคลาวด์ ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงเดสก์ท็อปของตนผ่านระบบคลาวด์จากอุปกรณ์ใดก็ได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีนโยบาย Work from Home สามารถใช้โซลูชัน VDI เช่น Citrix หรือ Microsoft Azure Virtual Desktop เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้เหมือนอยู่ในออฟฟิศ

- Citrix เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเทคโนโลยีที่ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์การทำงานที่ราบรื่นและปลอดภัยให้กับพนักงานได้จากทุกที่ ทุกเวลา ด้วยโซลูชันที่หลากหลาย เช่น Citrix Virtual Apps and Desktops ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและเดสก์ท็อปได้จากอุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม

- Azure Virtual Desktop หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า AVD นั้นเป็นบริการ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ที่พัฒนาโดย Microsoft Azure โดยเฉพาะ เพื่อมอบประสบการณ์การทำงานแบบเดสก์ท็อปเสมือนจริงให้กับผู้ใช้งานองค์กรจากทุกที่ ทุกเวลา

- Data Center Solution

Data Center Solution หรือ โซลูชันศูนย์ข้อมูล คือชุดของเทคโนโลยี, เครื่องมือ, และบริการที่ใช้ในการออกแบบ, สร้าง, บริหารจัดการ และรักษาความปลอดภัยของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บรักษาและประมวลผลข้อมูลสำคัญสำหรับองค์กร โดยการใช้งานศูนย์ข้อมูลมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบไอทีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในทุก ๆ เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการ Data Center ที่มีประสิทธิภาพสูง อาจเลือกใช้ Cisco หรือ Dell EMC เพื่อรองรับการทำงานของเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่ายได้ 

- Cisco คือบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายอุปกรณ์เครือข่าย และโซลูชันด้านไอทีที่หลากหลาย Cisco ไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เครือข่ายชั้นนำเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุม ตั้งแต่การเชื่อมต่อเครือข่าย การรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงการทำงานร่วมกัน (Collaboration)

- Dell EMC คือบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ก่อตั้งขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่าง Dell และ EMC โดยมุ่งเน้นในการให้บริการโซลูชันด้านโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure) และการจัดการข้อมูล (Data Management) ที่ครอบคลุมและครบวงจร  เป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างระบบไอทีที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่น ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย Dell EMC สามารถตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างครอบคลุม

- Cloud Computing

Cloud Computing คือเทคโนโลยีที่ให้บริการทรัพยากรคอมพิวเตอร์ เช่น การประมวลผล, การจัดเก็บข้อมูล, ซอฟต์แวร์ และเครือข่าย ผ่านทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ (Physical Infrastructure) ของตัวเอง ช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงทรัพยากร IT ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องลงทุนในฮาร์ดแวร์ ตัวอย่างเช่น หากเป็นบริษัท Startup สามารถเริ่มต้นโครงการได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ AWS หรือ Google Cloud Platform เพื่อรันเซิร์ฟเวอร์และแอปพลิเคชัน

- Google Cloud Platform นั้นเป็นมากกว่าแค่พื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์ มันคือแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมบริการต่างๆ มากมาย ที่ช่วยให้ธุรกิจและนักพัฒนาสามารถสร้าง, ทดสอบ และปรับใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น โดยไม่ต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จำนวนมาก

- PC/Office Automation

   PC/Office Automation คือการทำงานอัตโนมัติในสำนักงาน/คอมพิวเตอร์ คือการใช้เทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ในการอัตโนมัติขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำงานในสำนักงาน เช่น การสร้างเอกสาร, การจัดการข้อมูล, การสื่อสาร, การติดต่อและการจัดการตารางเวลา โดยใช้คอมพิวเตอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในออฟฟิศ เช่น การติดตั้งระบบ Microsoft 365 ที่รวมเครื่องมือเช่น Word, Excel, และ Teams เพื่อให้พนักงานทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- Microsoft 365 แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมสำหรับการทำงานร่วมกันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในยุคดิจิทัล ซึ่งมอบประสบการณ์การทำงานที่ราบรื่นและเชื่อมต่อกันได้ทุกที่ทุกเวลา มีทั้งฟีเจอร์และแอปพลิเคชั่น  Microsoft 
ให้ใช้งานมากมาย

- Meeting Room

   ระบบ Meeting Room เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน IT เพื่อสนับสนุนการประชุม องค์กรสามารถติดตั้งระบบประชุมผ่านวิดีโอ เช่น Zoom Room หรือ Microsoft Teams Room พร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องความละเอียดสูง และลำโพงคุณภาพเยี่ยม เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น

- Zoom เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการประชุมทางวิดีโอและเสียงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ซึ่งทำให้การทำงานและการเรียนรู้จากระยะไกลกลายเป็นเรื่องปกติ Zoom ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อผู้คนจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน