ในยุคดิจิทัลที่ทุกองค์กรต้องพึ่งพาระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ การมีโซลูชันที่ครอบคลุมด้าน Network & Security จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย การลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันปัญหา แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย หากคุณกำลังมองหาโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับองค์กรของคุณ อย่าลังเลที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนและออกแบบระบบที่ตอบโจทย์ที่สุด
LAN (Local Area Network) และ Wireless คือสององค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ภายในองค์กรเข้าด้วยกัน การออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความเร็วและความเสถียรในการใช้งาน ลดปัญหาการเชื่อมต่อ และรองรับการเติบโตขององค์กรในอนาคต
LAN คือเครือข่ายที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่จำกัด เช่น อาคารสำนักงาน หรือโรงเรียน โดยทั่วไปแล้ว LAN จะใช้สายสัญญาณในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้มีความเร็วและความเสถียรในการรับส่งข้อมูลสูง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วและความน่าเชื่อถือ เช่น การรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ การประชุมผ่านวิดีโอ หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการ Bandwidth สูง
Wireless หรือ Wi-Fi คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้โดยไม่ต้องใช้สายสัญญาณ ทำให้มีความสะดวกและคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การท่องอินเทอร์เน็ต การรับส่งอีเมล หรือการใช้งานแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการ Bandwidth สูงมากนัก
Wi-Fi 6 (802.11ax): เป็นมาตรฐาน Wi-Fi รุ่นล่าสุดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการเชื่อมต่อ รองรับการใช้งานอุปกรณ์จำนวนมากพร้อมกัน และลดปัญหาการชนกันของสัญญาณ เหมาะสำหรับสำนักงานขนาดใหญ่ หรือสถานที่ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก
Wi-Fi 6E: เป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก Wi-Fi 6 โดยเพิ่มความถี่สัญญาณ 6 GHz เข้ามา ทำให้สามารถรองรับการใช้งานที่ต้องการ Bandwidth สูงมากยิ่งขึ้น เช่น การประชุมผ่านวิดีโอความละเอียดสูง หรือการใช้งานแอปพลิเคชัน VR/AR
ใช้ LAN ในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความเร็วและความเสถียรสูง เช่น เครื่องพิมพ์ หรือเซิร์ฟเวอร์
ใช้ Wi-Fi 6 หรือ Wi-Fi 6E ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพา เช่น โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ทุกที่ในสำนักงาน
NAC เป็นโซลูชันที่ช่วยควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาใช้ทรัพยากรขององค์กรได้ ระบบนี้สามารถตรวจสอบอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายได้แบบเรียลไทม์ และสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละประเภท ตัวอย่างการใช้งานเช่น ในโรงพยาบาล NAC จะสามารถกำหนดสิทธิ์ให้เฉพาะแพทย์และพยาบาลเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ ในขณะที่ผู้เยี่ยมชมสามารถเชื่อมต่อได้เฉพาะ Wi-Fi สาธารณะ เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต
NAC ทำงานโดยการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของอุปกรณ์และผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงเครือข่าย ก่อนที่จะอนุญาตให้เข้าถึงทรัพยากรต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว NAC จะทำงานร่วมกับระบบยืนยันตัวตน เช่น RADIUS หรือ Active Directory เพื่อตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้งาน และตรวจสอบสถานะความปลอดภัยของอุปกรณ์ เช่น การตรวจสอบว่าอุปกรณ์มีโปรแกรมป้องกันไวรัสที่อัปเดตล่าสุดหรือไม่
เพิ่มความปลอดภัย: ช่วยป้องกันการเข้าถึงเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
ควบคุมการเข้าถึงเครือข่ายอย่างละเอียด: สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละประเภท เช่น พนักงาน ผู้เยี่ยมชม หรืออุปกรณ์ IoT
ตรวจสอบและควบคุมอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย: สามารถตรวจสอบสถานะความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย และบังคับให้อุปกรณ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยได้รับการแก้ไขก่อนที่จะเข้าถึงเครือข่ายได้
ลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ: ช่วยลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการผู้ใช้งานและอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย
การเฝ้าระวังและตรวจสอบการทำงานของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าระบบของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น โซลูชัน Network Monitoring จะช่วยให้คุณสามารถติดตามสถานะของอุปกรณ์เครือข่าย ตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเครือข่ายได้ ทั้งนี้หากบริษัทที่ใช้ระบบ Network Monitoring อย่าง Zabbix ก็จะสามารถตรวจจับปัญหาการเชื่อมต่อในเซิร์ฟเวอร์ได้แบบเรียลไทม์ และสามารถแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบทันทีเมื่อเกิดความผิดปกติ
ติดตามสถานะของอุปกรณ์เครือข่าย: ช่วยให้คุณทราบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่าย เช่น เราเตอร์ สวิตช์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ทำให้คุณสามารถตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า
ตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น: ช่วยในการตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นในเครือข่าย เช่น การหยุดทำงานของอุปกรณ์ การเชื่อมต่อช้า หรือปัญหา bandwidth ทำให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ: ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานเครือข่าย เพื่อระบุจุดที่อาจเป็นปัญหาคอขวด หรือจุดที่ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพ
วางแผนการขยายเครือข่าย: ช่วยในการวางแผนการขยายเครือข่ายในอนาคต โดยพิจารณาจากข้อมูลการใช้งานและแนวโน้มการเติบโตขององค์กร
เพิ่มความปลอดภัย: ช่วยในการตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยในเครือข่าย เช่น การบุกรุก หรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
Web และ Mail Filtering เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่หลากหลาย เช่น มัลแวร์ ฟิชชิ่ง สแปม และภัยคุกคามอื่นๆ ที่แฝงตัวมาในรูปแบบเว็บไซต์และอีเมล การมีระบบ Web และ Mail Filtering ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี และเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลขององค์กร
Web Filtering ทำหน้าที่กรองเนื้อหาเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานเข้าถึง โดยสามารถบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ปลอดภัย เช่น เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม เว็บไซต์ที่อาจมีมัลแวร์ หรือเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงขององค์กร นอกจากนี้ Web Filtering ยังสามารถช่วยควบคุมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของพนักงาน เช่น จำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน หรือจำกัดเวลาการใช้งานอินเทอร์เน็ต
Mail Filtering ทำหน้าที่คัดกรองอีเมลที่เข้ามาในกล่องจดหมายของผู้ใช้งาน โดยสามารถบล็อกอีเมลขยะ (Spam) อีเมลที่มีไวรัส หรืออีเมลที่อาจเป็นอันตราย เช่น อีเมลฟิชชิ่ง (Phishing) ซึ่งเป็นอีเมลหลอกลวงที่พยายามหลอกให้ผู้ใช้งานเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงิน
มัลแวร์ (Malware): โปรแกรมที่เป็นอันตรายที่สามารถทำลายหรือขโมยข้อมูล
ฟิชชิ่ง (Phishing): การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว
สแปม (Spam): อีเมลขยะที่ไม่พึงประสงค์
Ransomware: มัลแวร์ที่เข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่
ไวรัส (Virus): โปรแกรมที่สามารถแพร่กระจายและทำลายระบบคอมพิวเตอร์
Next Generation Firewall (NGFW) เป็นระบบไฟร์วอลล์ที่มีฟังก์ชันการทำงานขั้นสูงกว่ารุ่นเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการหรือภัยอันตรายที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเพื่อการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยยิ่งขึ้นโดยรวมความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคาม วิเคราะห์ทราฟฟิก และบล็อกการโจมตีในระดับแอปพลิเคชัน ทำให้สามารถปกป้องเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นการที่ลูกค้าสามารถใช้ Next Generation Firewall (NGFW) ของ Palo Alto Networks ที่สามารถบล็อกการโจมตีจากมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่ในทราฟฟิก HTTPS ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง
ความปลอดภัยที่สูงขึ้น: NGFW ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่ายขององค์กร โดยการตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามที่หลากหลายการบริหารจัดการที่ง่ายขึ้น: NGFW มาพร้อมกับเครื่องมือในการบริหารจัดการที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมและตรวจสอบการทำงานของไฟร์วอลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น: NGFW สามารถประมวลผลทราฟฟิกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย
โปรแกรม Anti-Virus ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องระบบจากมัลแวร์และไวรัสต่างๆ โซลูชัน Anti-Virus สมัยใหม่มาพร้อมกับความสามารถในการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสแบบอัตโนมัติและตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น
Bitdefender เป็นหนึ่งในโปรแกรม Anti-Virus ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น
การตรวจจับและลบมัลแวร์แบบเรียลไทม์: สามารถตรวจจับและลบมัลแวร์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การป้องกัน Ransomware: มีระบบป้องกัน Ransomware ที่แข็งแกร่ง ช่วยป้องกันการถูกเข้ารหัสไฟล์
การป้องกัน Phishing และการหลอกลวงออนไลน์: ช่วยป้องกันผู้ใช้จากการถูกหลอกลวงผ่านอีเมลหรือเว็บไซต์ปลอม
การปกป้องข้อมูลส่วนตัว: มีคุณสมบัติในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น การป้องกันการเข้าถึงกล้องเว็บแคมโดยไม่ได้รับอนุญาต
ประสิทธิภาพสูง: ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์
Log Management เป็นกระบวนการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกเหตุการณ์ (Logs) ที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่าย ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบปัญหาและหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ตัวอย่างเช่น Splunk ที่สามารถรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมด และแสดงผลในรูปแบบ Dashboard เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถระบุปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีชุดซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และ API ที่หลากหลาย พร้อมความยืดหยุ่นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต เพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจสอบปัญหา: Log Management ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยการวิเคราะห์ Log ที่บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเข้าถึงระบบ การทำงานของแอปพลิเคชัน หรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
การรักษาความปลอดภัย: Log Management ช่วยในการตรวจจับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในระบบเครือข่าย เช่น การบุกรุก การโจมตี หรือการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยการวิเคราะห์ Log ที่บันทึกกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใช้งาน
การปฏิบัติตามข้อกำหนด: Log Management ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เช่น PCI DSS, HIPAA หรือ GDPR
การปรับปรุงประสิทธิภาพ: Log Management ช่วยในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบเครือข่าย และระบุจุดที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
WAF (Web Application Firewall)
WAF หรือ Web Application Firewall เป็นโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจากการโจมตี เช่น SQL Injection, Cross-Site Scripting (XSS) และอื่นๆ โดยการกรองและตรวจสอบทราฟฟิกที่เข้ามาก่อนถึงเซิร์ฟเวอร์ WAF ช่วยปกป้องเว็บไซต์จากการโจมตี SQL Injection
WAF ทำงานโดยการวิเคราะห์ทราฟฟิกที่เข้ามายังเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยเปรียบเทียบกับกฎที่กำหนดไว้ หากพบทราฟฟิกที่น่าสงสัย หรือมีรูปแบบการโจมตีที่ตรงกับกฎ WAF จะทำการบล็อกหรือจำกัดการเข้าถึงทันที ทำให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันปลอดภัยจากการโจมตีต่างๆ
ป้องกันการโจมตี: WAF ช่วยป้องกันเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจากการโจมตีที่หลากหลาย เช่น SQL Injection, XSS, DDoS และอื่นๆ
เพิ่มความปลอดภัย: WAF ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลและระบบขององค์กร
ลดความเสี่ยง: WAF ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
ปรับปรุงประสิทธิภาพ: WAF ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โดยการกรองทราฟฟิกที่ไม่จำเป็นออกไป
ลดภาระงาน: WAF ช่วยลดภาระงานของผู้ดูแลระบบในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการโจมตี
Akamai WAF เป็นหนึ่งใน WAF ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูง มีคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น
การกรองทราฟฟิกอันตราย: สามารถกรองทราฟฟิกอันตรายก่อนที่จะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์
การป้องกัน SQL Injection: สามารถป้องกันการโจมตี SQL Injection ที่อาจเกิดขึ้นกับเว็บไซต์
การระบุแนวโน้มและรูปแบบการโจมตี: สามารถระบุแนวโน้มและรูปแบบการโจมตี API เพื่อให้สามารถจัดการและป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การให้ข้อมูลเชิงลึก: ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อวางแผนป้องกันได้อย่างเหมาะสม
การตรวจจับและรายงานการใช้ Proxy: ตรวจจับและรายงานการใช้ Proxy ในแอปมือถือที่อาจเป็นช่องทางให้เกิดการโจมตี
DDoS Protection
DDoS Protection เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้ระบบหรือบริการหยุดทำงาน โซลูชันนี้จะช่วยลดผลกระทบจากการโจมตีและรักษาความต่อเนื่องในการให้บริการ เช่น Cloudflare ที่ช่วยลดผลกระทบจากการโจมตี DDoS ด้วยการกระจายทราฟฟิกไปยังเซิร์ฟเวอร์หลายแห่ง เชื่อมต่อผู้ใช้ระยะไกล แอปพลิเคชันในองค์กร คลาวด์ และผู้ใช้ภายนอกอย่างปลอดภัยด้วยเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำและปรับขยายได้ไม่จำกัด มีระบบวิเคราะห์ปริมาณและรูปแบบการรับส่งข้อมูลจำนวนมาก พร้อมอัปเดตความปลอดภัยอัตโนมัติเพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ สามารถบริหารจัดการ IT ทั้งหมดผ่านอินเทอร์เฟซเดียว ลดความซับซ้อนของเครื่องมือและแผงควบคุม
(url pic: https://computer.ru.ac.th/Network/indexView/39)
Cyber Security
Cyber Security คือหัวใจสำคัญในการปกป้องข้อมูลและทรัพย์สินดิจิทัลขององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ โซลูชันด้าน Cyber Security ครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันระบบเครือข่าย การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ไปจนถึงการจัดการเหตุการณ์เมื่อเกิดการโจมตี ตัวอย่างเช่น การใช้ระบบ SIEM (Security Information and Event Management) อย่าง IBM QRadar ที่ช่วยตรวจจับภัยคุกคามและป้องกันข้อมูลรั่วไหล โดยรวบรวมข้อมูลด้านความปลอดภัย เช่น Event Log, Network Flow และข้อมูลจากอุปกรณ์ IT, ซอฟต์แวร์, แอปพลิเคชัน รวมถึงบริการ Cloud เพื่อนำมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระบบ พร้อมตรวจจับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ และแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบ IT และ Security Engineer เพื่อดำเนินการแก้ไขหรือป้องกันปัญหาได้ทันท่วงที